เมื่อวันที่ 12 ม.ค. นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก(ขบ.)เปิดเผยว่า ได้ประชุมร่วมกับผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทาง ที่เป็นรถร่วม บริษัทขนส่งจำกัด(บขส.)ในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากผลกระทบการปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลอย่างต่อเนื่อง เบื้องต้นการปรับขึ้นค่าโดยสารนั้น จะเสนอต่อคณะกรรมการขนส่งทางบกกลางพิจารณาภายในเดือน มิ.ย.นี้ นอกจากนี้ ขบ. จะช่วยเหลือผู้ประกอบการลดมาตรการด้านค่าใช้จ่าย เช่น การให้บัตรคูปองส่วนลดค่าน้ำมันดีเซล 2 บาทต่อลิตร เป็นเวลา 3 เดือน ใช้งบประมาณ 3,300 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 1,100 ล้านบาทต่อเดือน โดยมาตรการนี้จะครอบคลุมรถ 3 ประเภท ประกอบด้วย 1.รถโดยสารประจำทาง 2.รถโดยสารไม่ประจำประทาง (รถ 30) และ 3.รถบรรทุกไม่ประจำทาง ซึ่งอยู่ระหว่างเตรียมข้อมูล เพื่อเสนอกระทรวงคมนาคมพิจารณา เพื่อประสานงานกับกระทรวงคลัง และกระทรวงพลังงาน พิจารณาเรื่องดังกล่าวต่อไป
นายจิรุตม์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้จะประสาน บขสคำพูดจาก ทดลองเล่นสล็อต. ให้พิจารณาปรับลดค่าธรรมเนียมเที่ยววิ่ง (ค่าขา) เพื่อลดต้นทุนในการเดินรถในช่วงที่ราคาน้ำมันแพง รวมทั้งจะอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการที่จะแจ้งขอหยุดใช้รถชั่วคราว โดยจะระงับการดำเนินการชำระภาษีรถประจำปี เพื่อนำป้ายทะเบียนรถออกชั่วคราว หากกลับมาให้บริการเดินรถจะดำเนินการด้านทะเบียนและภาษีรถเหมือนเดิม นอกจากนี้เตรียมประสานสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ในการลดค่าประกันภัย โดยปัจจุบันผู้ประกอบการจะทำประกันภัยรถ 1 คันต่อ 1 ปี จะปรับเป็นค่าประกันแบบรายบุคคลแทน เพื่อลดค่าใช้จ่ายในกรณีที่มีผู้โดยสารเดินทางน้อย
ด้านนางสุจินดา เชิดชัย หรือเจ๊เกียว นายกสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์โดยสาร เจ้าของอู่รถเชิดชัยและบริษัทเดินรถเชิดชัยทัวร์ จำกัด กล่าวว่า สมาคมฯ ขอปรับอัตราค่าโดยสารเพิ่มขึ้นกิโลเมตรละ 1 สตางค์ต่อน้ำมันขึ้น 1 บาทต่อ 1 ลิตร เนื่องจากไม่ได้ปรับอัตราค่าโดยสารมานาน และราคาค่าโดยสารไม่สอดคล้องราคาน้ำมันดีเซล เพราะราคาค่าโดยสารที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน อิงจากราคาน้ำมัน 27.79 บาทต่อลิตร ตั้งแต่ปี 62 ขณะที่ราคาน้ำมันดีเซลในขณะนี้อยู่ที่ 31.94 บาทต่อลิตร ทำให้ต่างกันประมาณ 5 บาท ส่งผลให้อัตราค่าโดยสารควรปรับเพิ่มขึ้นอีก 5 สตางค์ และอนาคตดีเซลจะเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง หลังจากรัฐบาลประกาศยกเลิกตรึงราคาน้ำมันดีเซล
นอกจากนี้ยังต้องการให้ภาครัฐพิจารณาแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการด้านอื่นๆ อาทิ ปรับราคาน้ำมันดีเซลให้ถูกลง ปรับลดค่าธรรมเนียมเที่ยววิ่ง (ค่าขา) และค่าธรรมเนียมประเภทอื่นที่ต้องจ่ายให้ บขส. เนื่องจากขณะนี้ผู้ประกอบการแบกต้นทุนน้ำมันที่สูงคิดเป็น 60% ของค่าโดยสาร อีกทั้งยังมีปริมาณผู้โดยสารเดินทางลดลง ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายต้องปิดกิจการ ส่วนผู้ประกอบการบางรายที่ยังให้บริการอยู่ต้องเดินรถตามระเบียบที่ ขบ. กำหนด เพื่อไม่ให้ผู้โดยสารได้รับความเดือดร้อน โดยเฉพาะผู้ที่มีรายได้น้อย ยังเดินทางด้วยรถโดยสารอยู่
ขณะที่นายพิเชษฐ์ เจียมบุรเศรษฐ์ นายกสมาคมกิจการรถโดยสารประจำทางไทย กล่าวว่า ขอให้ ขบ. พิจารณาทบทวน การนำประกาศกรมการขนส่งทางบกตามมติคณะกรรมการกรมการขนส่งทางบกกลางเมื่อปี 2555 ที่ประกาศใช้โครงสร้างต้นทุนราคาน้ำมันดีเซล เพื่อใช้พิจารณาปรับขึ้นหรือลดอัตราค่าโดยสาร โดยกำหนดว่าหากราคาน้ำมันดีเซลปรับขึ้นถึง 1.12 บาทลิตร จะมีการปรับค่าโดยสารขึ้น 1 สตางค์กิโลเมตร ทั้งนี้อัตราค่าโดยสารที่ ขบ. ประกาศใช้อยู่ในปัจจุบัน (ประกาศตั้งแต่วันที่ 22 เม ย.62) คือ 53 สตางค์กิโลเมตร/คน ซึ่งราคาน้ำมันดีเซล ณ วันที่ปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารอยู่ที่ลิตรละ 27.79 บาท ขณะที่ในวันนี้ราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 31.94 บาท และมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึง 40 บาทต่อลิตร ส่งผลให้ผู้ประกอบการขนส่งรถโดยสารประจำทาง แบกรับภาระต้นทุนที่สูงเกินจริงมาโดยตลอด